ข้อคิดในการไหว้รับราหู หรือพระราหู "ผู้ลุ่มหลง มัวเมา"
แถมยังผิดเพี้ยนขนาดว่า...ราหู เกี่ยวกับวงการบันเทิง ชักชวนเหล่าวงการบันเทิงควรไปไหว้ แต่พอไปไหว้ราหูแล้ว จากที่รุ่งก็ร่วง บ้างหายหน้าหายตาไป ไม่ก็งานน้อยลง ทะเลาะฟ้องร้องกับเด็กในสังกัด มีปัญหาแบบไม่มีสาเหตุ ฯลฯ เพราะความจริงแล้ว ราหู...ไม่ใช่วงการบันเทิง.! แถมยังเป็นจุดดับที่ทำอันตรายได้ถ้าไม่ระวังให้ดี เพราะราหูเกี่ยวข้องกับงานกลางคืน ไม่เปิดเผย และ...
• การไหว้ราหู หรือไหว้พระราหู เป็นที่รู้จักอย่างมากในปี 2540 เพราะข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ พากันลงข่าวคนดังไปทำพิธีไหว้ราหูกับหมอนักดูที่ดังคนนึงที่แนะนำ เพื่อจะให้พลังราหูที่เชื่อว่าจะช่วยให้ปัญหาวิกฤตลดค่าเงินบาทที่ร่วงทรูดทะราดในปี 2540 ดีขึ้น แต่สุดท้ายพิธีการไหว้ราหูวันนั้น...ก็ไม่ได้ผล ไม่ได้ทำให้สมหวังตามที่ต้องการ.! มีแต่ความเสียหายหนัก และรัฐนาวาในเวลานั้นมีอายุไม่ถึง 1 ปีก็ล่มไปด้วย กลายเป็นวิกฤตต้มยำกุ้งที่โด่งดังไปทั่วโลก และเกิดกระแสไหว้ราหูตามอย่าง
ความเชื่อ ที่มาของการไหว้ราหู หรือพระราหู
• การไหว้บูชาพระราหู มีคติความเชื่อมาจากพราหมณ์และพุทธที่ผสมปนเปกัน (แต่ทุกวันนี้ยิ่งมั่วกันหนัก ทั้งสร้างทั้งนำมาตั้งกันเป็นองค์ แต่พราหมณ์ไม่เคยคิดนำรูปเคารพของศาสนาอื่นมาปนเปในเทวสถาน) ที่ดูจะเหมือนกันคือ...ราหูเป็นอสูรหรือยักษ์ ทางคติพราหมณ์เชื่อว่าราหูเป็นเทพองค์หนึ่ง เพราะราหูได้ดื่มน้ำอมฤตจนเป็นอมต ส่วนเรื่องที่เชื่อกันว่า...ราหูหรือเทพราหู สามารถบันดาลให้สิ่งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นบรรเทาเบาบางลง และแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคลาภ เจริญก้าวหน้าร่ำรวยยิ่งขึ้น...ไม่ใช่คติพราหมณ์.! เพราะพราหมณ์เองก็มีองค์เทพแห่งความสำเร็จและขจัดอุปสรรคอยู่แล้ว นั่นคือ...เสด็จพ่อพระพิฆเณศ.!
• และราหูเป็นอสูรหรือยักษ์ ที่มีความอาฆาตแค้นที่จำไม่รู้ลืม จองเวรไม่เลิกราเมื่อมีโอกาส โดยเฉพาะชอบแสดงอำนาจอมพระอาทิตย์และจันทร์ ที่เป็นสาเหตุทำให้ราหูต้องถูกจักรพระนารายณ์ตัดร่างกายขาดเป็น 2 ท่อน เรียกว่า...ราหูก็นับเป็นเจ้ากรรมนายเวรตัวร้าย ถ้าไปยุ่งเข้าต้องระวังให้ดี.!
• ในทางพุทธศาสนา ก็มีการกล่าวอ้างว่า..ในสมัยพระพุทธองค์ก็เคยปราบพระราหูด้วยเช่นกัน และมีเนื้อหาสืบต่อกันมาว่า พระราหูได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า... " ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ยังได้กล่าวถึงบุพกรรมแต่หนหลังของพระราหูว่า เคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเป็นลำดับที่ 5 โดยนับต่อจากพระศรีอริยเมตไตรย..." ในข้อนี้ยังหาข้ออ้างอิงและที่มาที่ไปไม่ได้.! แต่เรื่องราวของราหู ที่พูดถึงรูปร่างของราหูนั้น มีอยู่จริงในพระไตรปิฏก ที่ว่าด้วยอรรถกถาสุริยสูตรที่ ๑๐ วรรคที่ ๑
ดังนั้น จะเห็นว่าในเรื่องของความเชื่อนี้ดูจะขัดแย้งกันเอง น่าจะมีการแต่งเติมกันขึ้น หรือเรียกว่าต่อยอดกันไปมา แล้วแต่ว่าใครจะเป็นผู้ริเริ่ม เพื่อให้เกิดการยอมรับ เพราะราหูในคติของพราหมณ์ก็มีวีรกรรมด้านร้ายไม่ใช่ดี ไม่มีวิมาน หรือมีสถานที่เป็นของตนเอง แต่เป็นการล่องลอยไปมาโดดเดี่ยวไม่มีหลักแหล่ง ร่างกายก็ไม่สมบูรณ์เพราะมีแค่ครึ่งตัว.! และถ้าสังเกตกันจะเห็นได้ว่าพราหมณ์ไม่มีโบสถ์ของเทพราหูเหมือนดังเทพองค์อื่นๆ ให้ผู้คนกราบไหว้ คาดว่าการไหว้ราหูน่าจะเป็นแนวคิดทางไทยฝ่ายเดียว
โหราศาสตร์ไทย ราหู...คือจอมมัวเมา ลุ่มหลง
• ในด้านโหราศาสตร์ ข้อแรก ราหู (๘) เป็นบาปเคราะห์ที่มักให้โทษ มีคุณสมบัติด้านความมัวเมา ลุ่มหลง มีโมหะจริตเป็นเจ้าเรือน และในทางโหราศาสตร์ ราหูหรือพระราหู ไม่ใช่ดวงดาว.! แต่ราหูเป็นเพียงเงามืด หรือจุดคราส ที่ทำให้เกิดความมืดดำ เช่น สุริยคราส จันทรคราส
2.
ทางโหราศาสตร์ไทย ราหูก็สามารถอำนวยให้เกิดทรัพย์ ความเจริญในชีวิตได้ ถ้าเป็นราหูดีมีสัมพันธ์ที่ดีกับลัคนา ทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็มี และยังช่วยคุ้มชะตาให้กลับร้ายเป็นดีได้ แตถ้าไม่ ก็มักเป็นอันธพาล ขี้เหล้าเมายา เสเพล ติดการพนัน... มัวเมา หลงผิดได้ง่าย หรือแม้แต่การทำบุญ ก็อาจกลายเป็นพวกบ้าบุญ เพราะความมัวเมา มีแต่ความหลงเชื่อแบบผิดๆ นึกว่าบุญต้องใช้เงินมากๆ ใช้เงินมากถึงจะได้บุญมาก เรียกว่า...เมาบุญ.! นึกว่าบุญเป็นเงินทอง ทำมากๆ แล้วจะร่ำรวยเยอะๆ จะได้สวรรค์วิมาน นี่แหละที่ครูอาจารย์ท่านเรียกราหูว่า...จอมมัวเมา.!
3.
ในทางโหราศาสตร์ ราหูจะเปลี่ยนราศีจะใช้เวลา 18 เดือนต่อหนึ่งราศี จะส่งผลดีหรือร้ายไปตามราศีที่ราหูแวะเวียนในแต่ละครั้ง ทำให้แต่ละดวงชะตาก็จะมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป เช่น บางคนอาจเป็นเรื่องการงาน การเงิน ปัญหาสุขภาพโรคภัย ปัญหาครอบครัว หรือหน้าที่การงาน ฯลฯ อย่างที่โบราณท่านว่า "ราหูเข้าแทรกในดวง"
• ในทางโหราศาสตร์ ราหูมีอิทธิพลในด้านบาปเคราะห์เป็นส่วนมากจึงต้องระวัง เพราะราหู ก็คล้ายเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่ตามเอาคืนอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่ตามเอาคืนอาทิตย์และจันทร์ที่เป็นตัวการทำให้ราหูขาดเป็น 2 ท่อน และทางโหราศาสตร์หากปีใตที่ดวงชะตาถูกราหูเข้าแทรกหรือทับชะตาอาจจะมีเหตุร้ายตามแต่ภพนั้นก็จะให้ระวังปัญหาตามที่มี แต่หากทับลัคนา ท่านก็จะแนะนำให้ทำบุญ รักษาศีล รักษาเนื้อรักษาตัว เข้าวัดฟังธรรม อย่าทำบาปทำชั่ว ใช้ดาวพฤหัส (๕) เป็นแนวทางในการคุ้มครองตนให้พ้นทุกข์พ้นภัย เพราะมีจุดเปราะในชะตาที่จะนำพาให้เกิดเหตุร้ายได้ง่าย
ดังนั้น การไหว้ราหู ตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้ร่ำรวยดี มีโชคลาภ ประสบความสำเร็จ จึงดูมีข้อขัดแย้งกันอย่างมากจนไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะแม้แต่พราหมณ์เองก็มีเทพแห่งความสำเร็จและโชคลาภอยู่แล้ว คือเสด็จพ่อพระพิฆเณศ ส่วนทางโหราศาสตร์ ราหู (๘) เป็นสิ่งที่มีอยู่ในดวงชะตาทุกคนที่ให้ผลดีหรือร้าย ตามลักษณะของราหู (๘) ในชะตาแต่ละบุคคลที่สัมพันธ์ โดยตรวจดูจากดวงชะตาว่าราหูจรในปีนั้นๆ จะก่อให้เกิดผลดีหรือร้ายอย่างไร แต่โดยหลักกว้างๆ ราหูเป็นบาปเคราะห์ที่ท่านให้ระวัง ที่สำคัญดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถ้ามั่นใจว่าได้ประกอบกรรมดีอยู่เสมอ ประพฤติตัวอยู่ในศีลในธรรม ไม่ได้คดโกงหลอกลวงใคร ความดีจะเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองตน ส่วนเรื่องที่ว่าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี ถ้าดวงชะตามีบุญวาสนาให้มาร่ำรวยเป็นเศรษฐีจริง ก็ต้องร่ำรวยเป็นเศรษฐีแน่นอน.!
• ในทางโหราศาสตร์ ราหูมีอิทธิพลในด้านบาปเคราะห์เป็นส่วนมากจึงต้องระวัง เพราะราหู ก็คล้ายเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่ตามเอาคืนอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่ตามเอาคืนอาทิตย์และจันทร์ที่เป็นตัวการทำให้ราหูขาดเป็น 2 ท่อน และทางโหราศาสตร์หากปีใตที่ดวงชะตาถูกราหูเข้าแทรกหรือทับชะตาอาจจะมีเหตุร้ายตามแต่ภพนั้นก็จะให้ระวังปัญหาตามที่มี แต่หากทับลัคนา ท่านก็จะแนะนำให้ทำบุญ รักษาศีล รักษาเนื้อรักษาตัว เข้าวัดฟังธรรม อย่าทำบาปทำชั่ว ใช้ดาวพฤหัส (๕) เป็นแนวทางในการคุ้มครองตนให้พ้นทุกข์พ้นภัย เพราะมีจุดเปราะในชะตาที่จะนำพาให้เกิดเหตุร้ายได้ง่าย
ดังนั้น การไหว้ราหู ตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้ร่ำรวยดี มีโชคลาภ ประสบความสำเร็จ จึงดูมีข้อขัดแย้งกันอย่างมากจนไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะแม้แต่พราหมณ์เองก็มีเทพแห่งความสำเร็จและโชคลาภอยู่แล้ว คือเสด็จพ่อพระพิฆเณศ ส่วนทางโหราศาสตร์ ราหู (๘) เป็นสิ่งที่มีอยู่ในดวงชะตาทุกคนที่ให้ผลดีหรือร้าย ตามลักษณะของราหู (๘) ในชะตาแต่ละบุคคลที่สัมพันธ์ โดยตรวจดูจากดวงชะตาว่าราหูจรในปีนั้นๆ จะก่อให้เกิดผลดีหรือร้ายอย่างไร แต่โดยหลักกว้างๆ ราหูเป็นบาปเคราะห์ที่ท่านให้ระวัง ที่สำคัญดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถ้ามั่นใจว่าได้ประกอบกรรมดีอยู่เสมอ ประพฤติตัวอยู่ในศีลในธรรม ไม่ได้คดโกงหลอกลวงใคร ความดีจะเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองตน ส่วนเรื่องที่ว่าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี ถ้าดวงชะตามีบุญวาสนาให้มาร่ำรวยเป็นเศรษฐีจริง ก็ต้องร่ำรวยเป็นเศรษฐีแน่นอน.!
ขอขอบคุณภาพประกอบเนื้อหาจาก : http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000073383
